
FATCA เป็นคำย่อมาจาก Foreign Account Tax Compliance Act เป็นกฎหมายที่สหรัฐฯ ได้มีการกำหนดขึ้นมาแล้วมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2557 วัตถุประสงค์หลักก็คือต้องการตรวจสอบพร้อมป้องกันการเลี่ยงภาษีของผู้มีรายได้สัญชาติอเมริกันที่รายได้เหล่านี้เกิดจากแหล่งรายได้จากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนรัฐบาลประเทศต่างๆ ได้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับภาษีต่อรัฐบาลสหรัฐฯ นอกจากนี้การทำความตกลง FATCA ยังทำให้ประเทศไทยเองได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับภาษีของคนสัญชาติไทยที่มีแหล่งเงินได้อยู่ในสหรัฐฯ เพื่อประโยชน์สำหรับการนำไปพัฒนาต่อระบบการจัดเก็บภาษีในอนาคตต่อไป นอกจากนี้ยังถือเป็นการป้องกันไม่ให้สถาบันการเงินไทยถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย สูงถึง 30% ของเงินได้ ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ซึ่งประเทศไทยเองก็ได้ทำความตกลง FATCA กับสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ความเกี่ยวข้องของ FATCA กับประเทศไทย
ภายใต้นิยามของกำหนดของ FATCA ทำให้สถาบันการเงินของไทยจะมี 2 ทางเลือกหลักๆ ดังนี้
- เข้าผูกพันกับตัวหน่วยงานสรรพากรของสหรัฐฯ แบบไม่จำเป็นต้องรายงานข้อมูลบัญชีพร้อมกับธุรกรรมของบุคคลที่มีส่วนเข้าข่ายว่าต้องเสียภาษีให้กับสหรัฐฯ กับทางกรมสรรพากรของสหรัฐฯ
- หากไม่ดำเนินการตามข้อตกลงของ FATCA สถาบันการเงินนั้นจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย สูงถึง 30% ของเงินได้ที่มีแหล่งอ้างอิงกับตัวหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ทั้งในรูปแบบทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นจากบัญชีของสถาบันการเงินเอง หรือผู้ฝากเงิน/ผู้ขอลงทุนก็ตาม แม้ไม่ใช่สัญชาติอเมริกัน พร้อมกันนี้ยังอาจถูกปฏิเสธการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินอื่นๆ ที่ทำการเข้าร่วม FATCA ด้วย
จากทางเลือกที่ได้กล่าวมานี้ทำให้เราเห็นได้ว่าแม้ความตกลง FATCA จะเป็นกฎหมายที่ทางสหรัฐฯ เป็นผู้กำหนดขึ้นแต่สำหรับสถาบันการเงินของไทยรวมถึงผู้ลงทุนหรือผู้ฝากเงินต่างก็มีผลกระทบตามไปด้วยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเพื่อต้องการรักษาผลประโยชน์ของทั้งสถาบันการเงินกับผู้ลงทุน สถาบันการเงินของไทยจึงได้มีการเข้าผูกพันเพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ตามกฎของ FATCA พร้อมกับกฎหมายอื่นๆ ทีเกี่ยวข้อง แล้วไม่ต้องโดนหักภาษี ณ ที่จ่าย 30% หรือว่าถูกปิดบัญชี
ผลกระทบต่อผู้ลงทุนในประเทศไทย
- มีการร้องขอให้ผู้ถือหน่วยลงทุนที่ถือเป็นเป็นพลเมืองของสหรัฐฯ มีการให้คำยินยอมกับบริษัทจัดการ กองทุน และตัวแทนสำหรับการนำส่งข้อมูลที่มีในบัญชีทั้งหมดของผู้ถือหน่วยลงทุนนั้นกับบริษัทจัดการต่อหน่วยงานของรัฐทั้งในและต่างประเทศตามกฎหมายต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
- ร้องขอให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีการนำส่งข้อมูล เอกสาร คำยินยอม เพิ่มเติมเป็นการยืนยันหรือพิสูจน์ทราบความเกี่ยวข้องต่อสหรัฐฯ
- ดำเนินการอื่นๆ เพื่อให้เป็นไปตามความสอดคล้องกับกฎหมายต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง